Description
ทัวร์ 3 วัน 2 คืน ไหว้สุดยอด 9 พระเกจิชื่อ ดังแห่งเมืองนครศรีฯ ไหว้พระธาตุ ไหว้ศาลหลักเมือง ขอพรไอ้ไข่วัดเจดีย์
พักโรงแรม โยธกา ขนอม 1 คืน
พัก โรงแรม แกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช 1 คืน
ไทยท็อปทัวร์จัดทัวร์ไหว้สุดยอดพระเกจิ อาจารย์ แห่งเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่ศรัทธา อริยสงฆ์ ที่มีคนมากราบไหว้กันอย่างต่อเนื่องแต่การเดินทางลำบากสำหรับคนเดินทางมาจากที่ไกลๆเนื่องจากพระเกจิ อาจารย์ เหล่านี้ วัดที่ที่ท่านจำพรรษานั้นอยู่ไกลจากความเจริญมากๆสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าไม่มีประปาไม่ถนน เข้าวัด เป็นวัดป่ากันแทบทั้งสิ้น มาตอนนี้บ้านเมืองได้พัฒนาการเดินทางก็เริ่มสะดวกสบายครับ ทาง ไทยท็อปทัวร์จัดทริปนี้แบบ VIP เฉพาะกลุ่มเท่านั้นครับ เน้นการบริการ ความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าโรงแรมที่พัก หรือร้านอาหารที่ทางเราเลือกเข้ามาร่วมกับแพ็คเกจนี้ล้วนแล้วมีชื่อเสียงระดับ 5 ดาวทั้งสิ้น จึงมั่นใจได้สำหรับการบริการของเราเราจะสร้างความสนุกความเพลิดเพลิน และความรู้เรื่องราวต่างๆควบคู่กันไปกับการท่องเที่ยวทริปนี้ครับ !!!
จังหวัดนครศรีธรรมราช มี 23 อำเภอ 165 ตำบล 1,551 หมู่บ้าน เป็นจังหวัดที่มีพื้นขนาด 9,943 ตร.กม. ประชากร 1.56 ล้านคน (พ.ศ. 2561) ทำให้การเดินทางจากอำเภอสู่อำเภอค่อนข้างไกล ไทยท็อปทัวร์ จึงได้คิดโปรแกรมไหว้พระเกจิ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แห่งเมืองนครศรีธรรมราช ขึ้นมาเพื่อให้นักเดินทางและคนที่สรัทธามากราบไหว้เกจิเหล่านี้แบบเป็นแพ็คเกจทัวร์ ให้ทุกคนได้รับความสะดวกสบายและจะไม่เสียเวลาเพราะเรามืออาชีพ มีประสบการณ์ และที่สำคัญเราคนพื้นที่ๆมีความชำนาญ และเส้นทางต่างๆในจังหวัดเป็นอย่างดี และแพ็คเกจนี้ได้รับความนิยมจากผู้คนที่ศรัทธาพระเกจิ อาจารย์ เหล่ามีเป็นอย่างดี และเป็นทัวร์ขายดีไปแล้ว ไทยท็อปทัวร์เจ้าแรกที่คิดโปรแกรมนี้บริการสำหรับคนชอบเข้าวัดไหว้พระ และไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของคู่บ้านคู่เมืองของนครศรีธรรมราช ครับ
ประวัติเมืองนครศรีธรรมราชพอสังเขป
นครศรีธรรมราช เป็นเมืองโบราณที่มีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครองและศาสนามากที่สุดเมืองหนึ่ง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นครศรีธรรมราชมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง มาไม่น้อยกว่า ๑,๘๐๐ ปีมาแล้ว หลัก ฐานทางโบราณคดี และหลักฐานทางเอกสารที่ปรากฏในขณะนี้ยืนยันได้ ว่านครศรีธรรมราช มีกำเนิดมาแล้วตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๗ คำว่า”นครศรีธรรมราช” น่าจะมาจากสร้อยพระนามของปฐมกษัตริย์ ผู้ครอง นครศรีธรรมราช คือพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช คำนี้ แปลความได้ว่า “นครอันงานสง่าแห่ง พระราชาผู้ทรงธรรม” และธรรมของราชา แห่งนครนี้ก็คือ ธรรมแห่ง พระพุทธศาสนา พุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๙ เป็นช่วงที่นครศรีธรรมราชมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ภายใต้ การปกครองของราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองน่าจะ เนื่องมากจากการเป็นสถานีการค้าสำคัญของคาบสมุทรไทยเป็นจุดพักถ่าย ซื้อสินค้าระหว่าง ตะวันออกกับตะวันตกที่ดีที่สุดในเวลานั้น ประกอบกับบริเวณ หาดทรายแก้วอันเป็นศูนย์ กลางของชุมชน เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของ พระพุทธองค์ความศรัทธาและ ความเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา จึงเป็นปัจจัยชักนำให้ผู้คน จากทุกสารทิศในภาคใต้เข้ามา ตั้งถิ่นฐานในนครศรีธรรมราชอย่างหนาแน่น ในราว พ.ศ. ๑,๗๐๐ เศษ ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช ก็สามารถจัดการปกครอง หัวเมืองรายรอบ ได้สำเร็จถึง ๑๒ เมือง เรียกว่า เมืองสิบสองนักษัตร
ในอดีตมีชื่อเรียกดินแดนแถบนี้หลายชื่อ เช่น ในคัมภีร์มหานิเทศของอินเดีย ที่เขียนขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 7-8 เรียกว่า “ตามพรลิงก์”, บันทึกโบราณของเมืองจีนเรียก “เซี้ยะ-โท้ว(ถู-กวั่ว)”, “รักตะมฤติกา”(จารึกภาษาสันสกฤต) ซึ่งล้วนหมายถึง “ดินแดนที่มีดินสีแดง”, ตะวันตกนิยมเรียกกันมาจนกระทั่งต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 คือ “ลิกอร์” สันนิษฐานว่าชาวโปรตุเกตที่เข้ามาติดต่อค้าขายในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอน ต้นเป็นผู้เรียกก่อน โดยเพี้ยนมาจากคำว่า “นคร” ส่วนชื่อ “นครศรีธรรมราช” มาจากพระนามของกษัตริย์ผู้ครองนครในอดีต ทรงมีพระนามว่า “พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช” (ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช) มีความหมายว่า “นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม” หรือ “เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่”
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองนครศรีธรรมราชมีฐานะเป็นเมืองชั้นเอก คู่กับ เมืองพิษณุโลก มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าพระยาเป็นเจ้าเมือง มีบรรดาศักดิ์ตามพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหารหัวเมือง ว่า เจ้าพระยาศรีธรรมราชชาติเดโชไชยมไหยสุริยาธิบดีอภัยพิรียบรากรมภาหุ
รายละเอียดโปรแกรมแกรมนี้
1.วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
2.ไหว้ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช
3.ไหว้ขอพร ไอ้ไข่วัดเจดีย์ อ.สิชล
4.ไหว้พ่อท่านเขียว วัดหรงบน อ.ปากพนัง
5.ไหว้พ่อท่านเนียม วัดบางไทร อ.ปากพนัง
6.ไหว้พ่อท่านมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ อ.ปากพนัง
7.ไหว้พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง อ.ร่อนพิบูลย์
8.ไหว้พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ อ.เฉลิมพระเกียรติ
9.ไหว้พ่อท่านซัง วัดวัวหลุง ร่อนพิบูลย์
10.ไหว้หลวงพ่อปลอด วัดนาเขลียง อ.ฉวาง
11.ไหว้พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดธาตุน้อย อ.ช้างกลาง
12.พระอุปัชฌาย์แก้ว พระครูแก้ว
แนะนำการเดินทางให้จองมาเที่ยวเช้าๆที่ดีที่สุดครับ
วันที่ 1 ของการเดินทาง ไหว้ศาลหลักเมือง -ไหว้พระธาตุเมืองคอน -ไหว้ไอ้ไข่วัดเจดีย์ -ไหว้พระอุปัชฌาย์แก้ว พระครูแก้ว -เขาพลายดำ
พนักงาน ไทยท็อปทัวร์รอต้อนรับคณะที่สนามบินนครศรีธรรมราช ทุกคนพร้อมเช็คสัมภาระส่วนตัวพร้อมขึ้นรถออกเดินทางไปรับประทานอาหารเช้ากันก่อน ที่ร้านโกปี้ ร้านอาหารเช้าประจำเมืองคอนเลยครับ มีบริการมากมาย ติมซำนึ่งสด บากุ๊ดเต๋ ปลาท่องโก๋ ทานกับนมข้น หรือสังขยา ชา กาแฟ โบราณ รสชาติ ดีมากครับ ทุกคนรับประทานกันเรียบร้อยเราเริ่มโปรแกรมกันเลยครับ
เราเดินไปไหว้ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช อันเป็นที่ประดิษฐานหลักเมืองของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง บริเวณทิศเหนือของ สนามหน้าเมือง มีเนื้อที่ประมาณ ๒ไร่ มีอาคารทั้งหมด 4 หลัง หลังกลางเป็นที่ประดิษฐานของศาลหลักเมือง ออกแบบให้มีลักษณะ คล้ายศิลปะศรีวิชัย เรียกว่าทรงเหมราชลีลา ส่วนอาคารเล็กทั้งสี่หลัง ถือเป็นบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วย พระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระพรหมเมืองและศาลพรบันดาลเมือง
จากนั้นไปเดินทางไปไหว้ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์สถาปัตยกรรมแบบทรงระฆังคว่ำ มีจุดเด่นที่ยอดเจดีย์ ซึ่งหุ้มด้วยทองคำแท้ จากความเชื่อ เล่าสืบตอบกันมาว่า องค์พระธาตุประกอบด้วยทองรูปพรรณและของมีค่ามากมายจรดปลายเจดีย์ ซึ่งสิ่งของมีค่า เหล่านี้พุทธศาสนิกชนนำมาถวาย แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้ตนได้พบกับนิพพาน จากคำขวัญประจำ “จังหวัดเมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัดมากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู” ข้อความว่า พระธาตุทองคำ จึงหมายถึง ยอดเจดีย์ทองของพระบรมธาตุ นั่นเอง
และหากใครต้องการ ชมยอดพระธาตุสีทองเหลืองอร่ามอย่างใกล้ชิด มีบริการกล้องส่องทางไกลให้ใช้บริการสนนราคาแล้วแต่ตกลง กันว่าจะชื่นชมความงดงามนั้นนานเพียงใด ด้วยความมีชื่อเสียงและศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมธาตุเจดีย์ ดึงดูดให้ผู้คน จากทั่วสารทิศแวะมากราบไหว้บูชาและขอพร ไหว้พระธาตุขอพรเรียบร้อยเราเดินทางต่อไปแวะอนุสาวรีย์พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เป็นปฐมกษัตริย์ผู้ครองนครศรีธรรมราช เป็นต้นราชวงศ์ ปทุมวงศ์เป็นผู้สร้างเมืองนครศรีธรรมราช จากชุมชนเดิมซึ่งมีชื่อเรียกว่า ตามพรลิงค์ บนหาดทรายแก้ว (บริเวณตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน) เมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 17 จนกลายเป็นนครรัฐหรือเป็นอาณาจักรใหญ่ในคาบสมุทรไทย ก่อนที่จะเข้ารวมอยู่ในราชอาณาจักรไทย สมัยกรุงศรีอยุธยาในต้นพุทธศตวรรษที่ 20 พระนามกษัตริย์ พระองค์นี้ ปรากฏอยู่ในหลักฐานประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหลายชิ้น เช่น ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช และจารึกดงแม่นางเมือง เสร็จจากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองนครกันกล้วเดินทางไป ไหว้ขอพรได้ไข่ วัดเจดีย์ ที่อำเภอสิชลกันครับ
ประวัติ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์
วัดเจดีย์หรือวัดไอ้ไข่ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 ตำบลฉลอง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เคยเป็นวัดร้างที่เชื่อกันว่าสร้างมาเป็นเวลานับ1000 ปี มีเพียงเจดีย์โบราณเก่ารกร้างอยู่ตรงบริเวณที่กำลังสร้างโบสถ์ในปัจจุบัน จนเมื่อประมาณ พ.ศ.2500 มีการบูรณะวัดเจดีย์ขึ้นมาใหม่ มีพระเข้ามาอยู่ประจำ เป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวบ้านใกล้เคียง และเป็นที่ประดิษฐานของ “พ่อท่าน” พระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ยังป็นวัดร้าง
ไอ้ไข่วัดเจดีย์ หรือ ตาไข่วัดเจดีย์ คือรูปไม้แกะสลักของเด็กชายอายุประมาณ 9 -10 ขวบ ตั้งอยู่ในศาลาในวัดเจดีย์เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ ณ วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตั้งแต่ในละแวกใกล้วัดไปจนถึงต่างจังหวัดในแถบภาคใต้จากศรัทธาที่เชื่อกันว่า “ขอได้ไหว้รับ” โดยเฉพาะโชคลาภ และการค้าขาย เรื่องราวของไอ้ไข่หรือตาไข่นั้น มีที่มาจากการที่ชาวบ้านแถวนั้นเคยเห็นภาพเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณวัด เมื่อเข้าไปหาดูก็ไม่พบว่ามีเด็กมาพักอาศัยในบริเวณนั้นแต่อย่างใด เหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงเรียกเด็กที่ปรากฏร่างนั้นว่า “เด็กวัด” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณที่สถิตย์อยู่ ณ วัดเจดีย์แห่งนี้ และเรียกวิญญาณดวงนี้ว่าไอ้ไข่ ซึ่งเป็นคำที่ชาวบ้านในภาคใต้ใช้เรียกเด็กเล็กๆ เมื่อเชื่อกันว่าไอ้ไข่คือวิญญาณดวงหนึ่ง แต่ไม่มีใครเคยเดือดร้อนเพราะวิญญาณดวงนี้ นอกจากการปรากฏร่างให้เห็นก็อาจจะมีการล้อเล่นกับผู้ที่มาค้างแรมในวัด ไอ้ไข่ จึงเป็นที่รักชองชาวบ้าน ใครมีเรื่องเดือดร้อน วัว ควาย หมู ข้าวของสูญหาย ก็มาจุดธูปบนบานขอให้ช่วยกันหา ซึ่งก็มักจะประสพผลเสมอมา ไหว้ขอพรกันเรียบร้อย ไปทานข้าวมื้อเที่ยง กันครับเสร็จจากไหว้ไอ้ไข่ ได้เวลาอาหารเที่ยงกันแล้วครับ วันนี้เราจัดให้เป็นอาหารพื้นบ้านที่ร้าน โกโตน ร้านดังของสิชลครับ ที่ร้าน เมนูเลือกสั่งได้ตามความชอบ เผ็ดมากเผ็ดน้อย บอกกับพนักงานทางร้านได้เลยครับ รับประทานอาหารมื้อเที่ยงกันเสร็จ เดินทางไปไหว้พระอุปัชฌาย์แก้ว พระครูแก้ว
พระอุปัชฌาย์แก้ว พระครูแก้ว อรหันต์สยบงู บรมครูแห่ง สิชล ขนอม นครศรีธรรมราช ๑ใน๕เหรียญเบญจภาคีของเมือง นครศรีธรรมราช ที่เป็นสุดยอดตำนานที่หาได้ยากยิ่ง พระครูแก้วถือเป็น “ปู่ครูแห่งสิชล-ขนอม” พระครูแก้วได้มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐ รวมสิริอายุอ๘๑ ปี ๖๑ พรรษา คณะศิษยานุศิษย์ได้จัดทำวัตถุมงคล และได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่ต้องการของคนไปอย่างมาก เนื่องจากมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ในการเคารพบูชา เช่น ผ้ายันต์ ลูกอม ตะกรุด ดันยน ลูกประคำ ชานหมาก และรูปบูชา ความศักดิ์สิทธิ์ขอท่านมีมากครับเช่น มีคนมาขโมยระฆังในวัดขโมยหอบระฆังไปแต่ไม่สามารถออกไปจากวัดได้ จนต้องทิ้งระฆังแล้วหนีไป และเคยมีเหตุการณ์ที่พ่อท่านได้เรียกงูจงอางตัวใหญ่มา แล้วเอาเท้าตั้งบนหัวแล้วไห้ลูกศิษย์ช่วยปลดเห็บออกจากงูจนเสร็จ อีกอย่างเวลามีงานที่วัดงูก็จะมาเต็มวัดแต่ไม่ได้ทำอันตรายคนในงานเลยไต้เหรียญของท่านก็เลยมีงูเป็นเอกลักษณ์ และอีกอย่างท่านยังได้ร่วมปลุกเสกเหรียญรุ่นแรกเจ้าคุณม่วง รุ่นแรก ๒๔๗๖ และเหรียญพระบรมธาตุตรีศูลย์ ๒๔๖๐ ด้วยและท่านก็ยังเป็นบรมครูของ อ.สิชลและขนอมด้วยที่น่าแปลกอีกอย่างคือไม่เคยมีข่าวของคนที่แขวนเหรียญรุ่นแรกที่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตเลยซักคนเดียวพ่อท่านพระครูแก้ว อินทสุวณโณ พ่อท่านเฒ่าชาวสิชล-ขนอม นามเดิมของท่านชื่อแก้ว อรทัย เกิดประมาณปี พ.ศ.๒๓๙๖ เมื่ออายุได้ ๑๒ ขวบ ได้เข้าศึกษาภาษาไทยโบราณและวิชาเลขกับพ่อท่านอาจารย์หนูที่วัดถ้ำเทียนถวาย อายุ ๑๗ ปีได้บรรพชาและอุปสมบทมีชื่อว่า “พระแก้ว อินทสุวัณโณ” ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนแตกฉาน ทั้งด้านภาษาไทย ขอมไปตามสมัยในยุคนั้นจนเป็นที่เคารพนับถือของชนทุกชั้นเดินทางกันต่อครับไปเที่ยวชมวิวสวย เขาพลายดำ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองนครครับ ถนนที่มีความสวยงาม เลาะชายฝั่งทะเล ขับชมวิวเรื่อยๆไม่นานก็ถึงจุดชมวิว ให้ทุกคนพักผ่อนบรรยากาสดีๆพร้อมบริการด้วยชา กาแฟ หรือ เครื่องเย็นๆแล้วแต่จะเลือกทานกันครับ เราจัดให้ที่ร้าน Moon Coffee ร้านดัง วิวสวย กาแฟอร่อยครับ จากนั้นพาไป เนินเทวดา เนินนางฟ้า ชมวิว พร้อมถ่ายรูปสวยๆของอ่าวขนอม กันครับ ทุกคนคงได้สนุกและมีความสุขกับการถ่ายรูปวิวสวยๆกันเรียบร้อยเราไปที่พักกันครับ วันนี้เราจัดให้พัก 5 ดาว ติดทะเลขนอมกันครับ
16.30 เข้าที่โรงแรม AAVA Resort and Spa ขนอม พักผ่อนตามอัธยาศัย
18.30 ไปรับประทานอาหารมื้อค่ำกันที่ ครัวตังเก อาหารทะเลสดๆจากประมงพื้นบ้านกันครับ รับประกันความสดร้านนี้ เมนูเลือกสั่งได้ตามความชอบครับ
20.30 เดินทางกลับที่พัก เวลาส่วนตัว
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์
วันที่ 2 ของการเดินทาง ไหว้พ่อท่านมุ่ย ไหว้พ่อท่านเนียม ไหว้พ่อท่านเขียว ไหว้พ่อท่านสังข์
07.00 รับประทานนอาหารเช้าที่โรงแรมกันครับ ใครตื่นเช้าๆได้รับแสงอรุณจากแสงอาทิตย์โผล่มาจากผิวน้ำหน้าโรงแรมกันเลยครับ
08.00 เช็คเอ๊าท์พร้อมเดินทาง ไปไหว้พระเกจิแห่งลุ่มน้ำปากพนังกันครับ ใช้เวลาประทาณ 2 ชั่วโมงครับ
*** ไหว้พ่อท่านมุ้ย (อริยสงฆ์แห่งแดนทักษิณ) วัดป่าระกำเหนือ อ.ปากพนัง
ประวัติหลวงพ่อมุ่ย จนฺทสุวณฺโณ หรือ “พระครูนิโครธจรรยานุยุต แห่งวัดป่าระกำเหนือ”
นามเดิมของท่านชื่อมุ่ย ทองอุ่น บิดาชื่อ นายทองเสน ทองอุ่น มารดาชื่อ นางคงแก้ว ทองอุ่น ท่านเกิดเมื่อวันอังคารที่ ๔ เมษายน 2442 ณ บ้านป่าระกำ หมู่ที่ 6 ตำบลป่าระกำ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านมีพี่น้องทั้งหมด 8 คน หลวงพ่อมุ่ยเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล ทองอุ่น
พระครูนิโครธจรรยานุยุต (มุ่ย จนฺทสุวณฺโณ) หลวงพ่อมุ่ย ได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2462 ณ วัดป่าระกำเหนือ อำเภอปากพนัง และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูนิโครธจรรยานุยุต เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๘ และในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดป่าระกำเหนือและเจ้าคณะตำบลป่าระกำ ในปีเดียวกัน
เดินทางกันต่อครับไปไหว้ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร
ประวัติ พระครูไพศาลวิริยกิจ พ่อท่านเนียม ฐิตธมโม เจ้าอาวาสวัดบางไทร อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ่อท่านเนียม วัดบางไทร เดิมชื่อนิยม แก้วเถื่อน เกิดวันพุธ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๙ เกิดที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช บิดาชื่อ นายสิน มารดาชื่อ นางทองหวาน นามสกุล แก้วเถื่อน โยมบิดามีอาชีพ ทำนาและเป็นหมอแผนโบราณ มีความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ ตลอดจนภาษาไทยและขอมเป็นอย่างดี จึงทำให้พ่อท่านเนียมได้รับการถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ จากโยมบิดามาเป็นอย่างดีพออายุได้ ๑๗ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดป่าระกำล่าง ตำบลป่าระกำ อำเภอปากพนัง มีเจ้าอธิการเพชร ถาวโร เจ้าอาวาสเป็นพระอุปัชฌาย์ บวชแล้วอยู่จำพรรษากับเจ้าอธิการเพชร ถาวโร ศึกษาภาษาไทย ภาษาขอมจนแตกฉาน เมื่ออายุ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทที่วัดปากแพรก ต.ปากแพรก มีท่านพระครูสุกกธรรมวโรภาส หรือพ่อท่านพ่อขาว เจ้าอาวาสวัดปากแพรก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการคลิ้ง สุมโน วัดปากแพรก เป็นพระกรรมวาจารย์ เมื่อวันศุกร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ปี ปีกุน ตรงกับวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๘ นามฉายา “ฐิตธมโม” ซึ่งพ่อท่านขาว พระอุปัชฌาย์ของท่าน เป็นพระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีวาจาสิทธิ์ เชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์และแพทย์แผนโบราณ รักษาคนบ้าให้หายได้ พ่อท่านขาวได้สอนวิธีปฏิบัติโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นผลให้พ่อท่านเนียม ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา
พ่อท่านเนียมก็ละสังขารอย่างสงบ เวลา ๑๖.๑๐ น. เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ สิริอายุของท่าน ๙๔ ปี ๕ เดือน ๑๙ วัน พรรษาที่ ๗๗
*** ไหว้พ่อท่านเขียว ( เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำปากพนัง )วัดหรงบน อ.ปากพนัง
ประวัติพ่อท่านเขียว วัดหรงบล อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช …
พ่อท่านเขียว ถือกำเนิดขึ้นในตะกูลชาวนา เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้นแรมไม่ปรากฏ เดือนยี่ ปีมะเมีย พ.ศ.2424 บิดาชื่อนาย ปลอด มารดาชื่อแป้น มีพี่น้อง 4คน ชาย2หญิง2 พ่อท่านเขียวเป็นพี่ชายคนโต น้องชายชื่อนายพลับ น้องสาวชื่อนางเอียด และนางปาน น้องชายและน้องสาวเสียชีวิตก่อนท่าน พ่อท่านเขียว วัดหรงบน ท่านตัดสินใจสละเพศฆราวาส เข้าสู่วัดเมื่ออายุได้ ๒๒ปี อุปสมบท ณ วัดคงคาวดี (วัดกลาง) ปีเถาะ พ.ศ.๒๔๔๖ พระครูสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อเป็นพระกรรมวาจา ได้รับฉายาว่า “อินทมุนี”ได้ปรนนิบัติรับใช้ รับฟังโอวาทจากพระอุปัชฌายะชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้น หลวงปู่เขียว ก็กราบลาพระอุปัชฌายะ ไปศึกษาเล่าเรียนต่อกับพระอาจารย์เอียด วัดบน พระอาจารย์เอียดเก่งทั้งทางโลก และทางธรรม อบรมนิสัยให้เหมาะแก่สมณเพศ จนท่านตั้งใจว่า ขอถือบวชอยู่ในพุทธศาสนาตลอดไป หาทางพ้นทุกข์ตัดอาสวะกิเลสให้สิ้น
หลวงปู่เขียว” ท่านมรณภาพ ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑ค่ำ เดือน ๗ ด้วยโรคชราตามสังขารอายุ รวมได้ ๙๕ปี ๗๔ พรรษา
12.30 รับประทานอาหารเที่ยงกันตลาดปากพนังกันครับ อาหารทะเลสดๆจากชาวบ้าน
รับประทานอาหารเสร็จกันแล้วเดินเล่นชมเมืองปากพนัง ตลาด 100 ปี และปากพนังยังเป็นแหล่งผลิดรังนกสำคัญอีกที่หนึ่งของเมืองไทยครับ ทุกคนจะได้เห็นบ้านคอนดดสำหรับนกนางแอ่นกัน ซึ่งมีให้ชมกันตลอด 2 ฝั่งริมแม่น้ำครับ จากนั้นเดินทางกันต่อครับ ระหว่างทางเราแวะให้ทุกคนได้ชิมส้มโอทับทิมสยาม ของดีแห่งปากพนัง ของแท้ๆจากสวนกันเลยครับ หรือใครจะซื้อส่งกลับบ้านสั่งได้พร้อมส่งถึงที่ครับ
เดินทางกันต่อครับไปไหว้พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ
ประวัติพ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช
พ่อท่านสังข์ เดิมชื่อสังข์ ซ้ายคล้าย เป็นชาว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดที่บ้านดอนตรอ ในรัชกาลที่ 5 ที่บ้านประดู่โพรงเมื่อวันศุกร์ที่ 16 เดือน กันยายน 2449 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีมะแม บิดาชื่อ คล้าย ซ้ายคล้าย มารดาชื่อ พูน ซ้ายคล้ายบรรพชาเป็นสามเณรเมือ่อายุ 15 ปี เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบท ได้รับฉายาว่า “เรวโต” มีพรรษารวม 78 พรรษามรณภาพลงเมื่อ อายุ 98 ปี เมื่อ วันที่ 14 สิงหาคม 2547 โดยแพทย์ระบุว่าเส้นเลือดในสมองแตก ที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครศรีธรรมราช
พ่อท่านสังข์เป็นพระอริยสงฆ์แดนใต้ สุดยอดเกจิแห่งดินแดนเชียรใหญ่ ที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านมีสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่พระครูเรวัตรศิลคุณ กิตติคุณของท่านก็เป็นที่กล่าวขวัญกันทางภาคใต้มานานนับเป็นหลายสิบปี นอกจากนี้พ่อท่านสังข์ยังได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลครั้งสำคัญของภาคใต้หลายพิธีด้วยกัน เช่น จตุคามปี30 และยังเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ร่วมปลุกเสกเหรียญพ่อท่านซัง วัดวัวหลุง รุ่น 2 ซึ่งนอกจากจะเป็นเหรียญตายแล้ว ก็ยังเป็นเหรียญย้อน พ.ศ. อีกด้วย แต่กลับมีราคาเล่นหาอยู่หลักหมื่น ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากมีประสบการณ์สูงมาก เป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ซึ่งได้รับการยกย่องจากพ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง ว่ามีวิทยาคมสูงเป็นเลิศ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างนั้นมีประสบการณ์เข้มขลังมากด้านคุ้มครองแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน คนในพื้นทื่รู้กันดีเพราะ ท่านเป็นเกจิที่ปฏิบัติดี มาตลอด คนเมืองคอนเคยบอกไว้ว่ายิ่งถ้าเป็นพระของท่าน ศักดิ์สิทธิ์ขนาดอธิษฐานให้ตัดรุ้งขาดได้เลยครับ ทุกคนไหว้ขอพรกันเรียบร้อย เดินทางไปที่พักกันครับ
16.30เดินทางไปเช็คอินที่โรงแรม แกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช เช็คอินเรียบร้อยทุกคนได้พักผ่อน ตามอัธยาศัย
18.30 รับประทานอาหารมื้อค่ำกันครับ วันนี้จัดเป็นอาหารพื้นเมืองคอนกันครับ ที่ร้าน ครัวหนังลุง
20.30 เดินทางกลับที่พักกันครับ
———————————————————————————————————
วันที่ 3 วันสุดท้ายของการเดินทางครับ ไหว้พ่อท่านคลิ้ง ไหว้พ่อท่านซัง ไหว้พ่อท่านปลอด ไหว้พ่อท่านคล้าย เที่ยวคีรีวง เดินทางกลับสู่สนามบินนครศรีธรรมราช
07.00 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันครับ
08.00 เช็คเอ๊า พร้อมเดินทางกันครับ วันนี้ออกจากโรงแรมที่พักเรานำท่านไปไหว้ พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง อ.ร่อนพิบูลย์กันครับ
พระครูภาวนาภิรมย์ พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง นับว่าเป็นอริยะสงฆ์แดนทักษิณอีกองค์หนึ่งของเมืองนครศรีธรรมราช ตลอดชีวิตร้อยกว่าปีของท่านมีแต่เมตตาธรรมต่อผู้ที่ได้ไปกราบท่าน
ประวัติหลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง
“หลวงพ่อคลิ้ง จันทสิริ” เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นพระเถระที่มีวิชาอาคมอีกรูปหนึ่ง นอกจากนี้หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทองท่านยังมีอายุยืนนานถึง ๑๐๔ ปี เพราะพ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๙ และมรณภาพใน ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยออกบวชเป็นสามเณรขณะอายุ ๘ ขวบ แล้วก็ครองเพศเป็นบรรพชิตมาตลอดจวบกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต หากนับพรรษาต่อเนื่องตั้งแต่บวชเป็นสามเณรกระทั่งเป็นพระภิกษุ “หลวงพ่อคลิ้ง” ก็จะครองพรรษาได้ถึง ๙๖ พรรษา เลยทีเดียว
สำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้น ขนาดพ่อท่านคล้าย แห่งวัดสวนขัน ยังกล่าวยกย่อง พ่อท่านคลิ้งเสมอ เช่นว่า มีชาวบ้านจาก อ.ร่อนพิบูลย์ไปกราบพ่อท่านคล้าย พอท่านทราบว่ามาจากร่อนพิบูลย์ ท่านก็จะกล่าวว่า “ทีหลังไม่ต้องมาไกลถึงนี้หรอก ไปหาท่านคลิ้งนั้นแหละ ท่านคลิ้ง(หลวงพ่อคลิ้ง)ให้พรดีเหมือนเหมือนฉัน” หรือ แม้แต่พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา ก็ยังกล่าวยกย่อง พ่อท่านคลิ้ง อยู่เสมอ พ่อท่านคลิ้ง เป็นคณาจารย์ที่อายุยืนนานอีกองค์หนึ่ง พระเครื่อง วัตถุมงคลที่ท่านได้เมตตาปลุกเสกเอาไว้มีหลายชนิด เช่น เหรียญ ลูกอมชานหมาก พระปิดตาเนื้อผงผสมว่าน วัตถุมงคลพ่อท่านคลิ้งท่านเด่นทางด้าน เมตตามหานิยม โภคทรัพย์ แคล้วคลาด
ประวัติพ่อท่านคลิ้ง จันทสิริ วัดถลุงทอง
จากนั้นเดินทางกันต่อไปไหว้ พ่อท่านซัง วัดวัวหลุง อ.ร่อนพิบูลย์เช่นกันครับ
ประวัติ พระครูอรรถธรรมรส (ซัง สุวัณโณ) หลวงพ่อซัง นามเดิมชื่อซัง ศักดาวุธ เป็นบุตร คนสุดท้ายของขุนวิน ศักดาวุธ (บุศจันทร์ ศักดาวุธ) มารดาชื่อนางส้ม ศักดาวุธ
พระครูอรรถธรรมรส เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๕ค่ำ ปีกุนตรงกับวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๓๙๔ ณ บ้านพัง หมู่ที่๒ ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช หลวงพ่อซัง ท่านมีพี่สาว ๒ คน ชื่อนางรอดและนางแก้ว
(ถึงแก่กรรมหมดแล้ว) เมื่อท่านอายุได้ ๑๑ปี ได้ไปศึกษาเล่าเรียนอักษรสมัยในสำนักท่าน อาจารย์นาค เจ้าอาวาส วัดพัง ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๓ปี ท่านย้ายไปศึกษาในสำนักของท่าน อุปัชฌาย์รักษ์ วัดปัง ต.ควรชุม อ.ร่อนพิบูลย์ ท่านเรียนวิชาเลข และคัดลายมือ ขณะที่หลวงพ่อซัง ท่านศึกษาอยู่ท่านเป็นคนฉลาดความจำดี มีความขยันอดทนเป็นเลิศ อุปัชฌาย์รักษ์ เห็นแววและอนาคตจะไปไกลเลย จึงบวชเณรให้เมื่ออายุ ๑๖ ปี
หลังจากบวชเณรแล้วท่านก็ได้ศึกษาธรรมวินัยและวิปัสสนาธุระเพิ่มขึ้น พอเป็นแนวทางปฏิบัติท่านอยู่ต่อมาจนครบปี เผอิญข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดตรัง เดินทางไปนมัสการพระอุปัชฌาย์รักษ์ พบสามเณรน้อยผู้มีสติปัญญาไหวพริบดี จึงของตัวไปให้รับราชการในตำแหน่งเสมียนตรา อยู่ที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง
พ่อท่านซัง อุปสมบท เมื่อเดือน ๘ ขึ้น ๑๓ค่ำ วันพุธ พ.ศ. ๒๔๑๔ อุปสมบทที่วัดปัง บวช ณ ที่เดิมที่ท่านได้บวชเณร อุปัชฌาย์รักษ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านอาจารย์นาค เจ้าอาวาสวัดพัง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านอาจารย์ทองดี วัดปัง เป็นพระอนุศาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุวัณโณ”
ครั้ง พ.ศ. ๒๔๗๒ หลวงพ่อซัง ชราภาพมากจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้โดยสะดวก จึงโปรดเกล้าให้เป็นกิตติมศักดิ์ พ้นจากตำแหน่งราชการ รวมเวลาที่ท่านได้ปฏิบัติงานในตำแหน่งเจ้าคณะแขวงอยู่ ๑๓ ปี เมื่อถึง พ.ศ. ๒๔๗๘ ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคชรามาตั้งแต่ต้นปี ต่อมาโรคได้กำเริมหนัก จนถึงวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๘ เวลา๑๐.๒๐ น. ท่านมรณภาพลงด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี
วัตถุมงคลที่แจกในงานศพ ยอดนิยมอันดับต้นๆ ต้องยกให้เหรียญพระครูอรรถธรรมรส หรือ “พ่อท่านซัง” อดีตเจ้าอาวาสวัดวัวหลุง และอดีตเจ้าคณะแขวง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ในวงการพระเครื่อง ได้จัดให้เหรียญพ่อท่านซังเป็นหนึ่งในเหรียญเบญจภาคีที่แพงที่สุดของเมืองนคร เหรียญหลวงพ่อซังเป็นเหรียญตายยอดนิยมที่มีราคาแพงที่สุด จากนั้นเดินทางกันต่อครับ ไปไหว้นมัสการหลวงพ่อปลอดวัด นาเขลียง
ประวัติหลวงพ่อปลอด ติสฺสโร วัดนาเขลียง ฉวาง นครศรีธรรมราช
พระอุปัชฌาย์ปลอด วัดนาเขลียง เบญจภาคีเหรียญเมืองนครฯ เป็น ๑ ใน ๕ เหรียญพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของนครศรีธรรมราชที่ได้รับความนิยมสูง”
หลวงพ่อปลอด ติสฺสโร พ่อท่านปลอด วัดนาเขลียง ประวัติพ่อท่านปลอด ซึ่งท่านเป็นพระที่มีความรู้ทางไสยศาสตร์ หลวงพ่อปลอด เป็นที่พึ่งพาของชาวบ้านเมื่อยามเดือนร้อน เป็นที่เคารพนับถือของชาวนครศรีธรรมราชเป็นอย่างมาก หลวงพ่อปลอด ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๐ ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ณ บ้านเกาะใหญ่ อ.เมือง จ.สงขลา บิดาชื่อ เปรม มารดาชื่อ เอียด (สมัยนั้นยังไม่มีนามสกุลใช้) มีพี่น้องรวมกัน ๓ คน คือ นางหนู หลวงพ่อปลอดและนายผอมหรือพระผอม (บวชอยู่ ณ วัดบ่อท่อ อ.ระโนด จ.สงขลา)
เมื่อยังเยาว์”หลวงพ่อปลอด”ได้เล่าเรียนหนังสือที่บ้านพ่อตาขุน(พ่อเฒ่าบ้าน ในสมัยนั้น) เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ได้ถูกเกณฑ์ทหารไปรบที่เมืองไทรบุรี เจ้าเมืองแขกเป็นกบฏ พ่อท่านปลอด กลัวจะถูกเกณฑ์ทหารจึงได้หลบขึ้นไปอาศัยกับญาติที่บนภูเขาในท้องที่ ต.เกาะใหญ่
ภายหลังเมื่อต้องการที่จะพ้นความผิด จึงได้ตกลงที่จะบวช ในที่สุดก็ได้บวชเมื่ออายุ ๒๐ ปีนั่นเอง ณ วัดพังตรี มีหลวงพ่อเสน เจ้าอาวาสวัดพังตรีเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแก้ว เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ต.ระวะ อ.ระโนด เป็นพระกรรมวาจาจารย์
วัดนาเขลียง ในสมัยที่หลวงพ่อปลอดเป็นเจ้าอาวาสเป็นยุคที่ชุมชนเจริญ รุ่งเรืองมาก “หลวงพ่อปลอด” ท่าน เป็นพระที่มีความรู้ทางไสยศาสตร์ เวทย์มนต์ คาถาอาคมต่าง ๆ เป็นที่เคารพนับถือของชาวนครศรีธรรมราชเป็
อย่างมากเพราะ “พระอุปัชฌาย์ปลอด วัดนาเขลียง” ชื่อเสียงของท่านกระฉ่อนไปทั้งสี่ทิศกับตำแหน่ง เจ้าคณะปกกลุ่มอำเภอฉวาง ,ช้างกลาง ,ถ้ำพรรณรา ,นาบอน และ ทุ่งใหญ่
ซึ่งในสมัยสงครามเอเชียบูรพา พระเครื่องวัตถุมงคลที่รับจากมือ”พ่อท่านปลอด” ไม่ว่าจะเป็นเครื่องราง ผ้ายันต์ ตะกรุด และเหรียญพ่อท่านปลอด รุ่นแรก ที่สร้างขึ้นมาในปี ๒๔๘๒ จัดเป็นสุดยอดปราถนาของประชาชนทุกชนชั้น สามารถปกป้องคุ้มครอง ผู้ที่พกพาพระเครื่องหลวงพ่อปลอด วัดนาเขลียง ให้แคล้วคลาดอันตรายต่างๆ จนถึงประสบการณ์ด้านคงกระพันมหาอุดที่ให้พบเจอกันบ่อยๆ
….บ้านนาเขลียงได้ประสบภัยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๑ ทำให้วัดที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต กลายเป็นเหมือนวัดร้าง สิ่งปลูกสร้างภายในวัดโดนน้ำซัด เหลือความปาฎิหาริย์ “พระประธาน” ยังคงตั้งตระหง่าน แต่ตัวโบสถ์รอบข้างพังทลาย บ้านเรือนของชาวบ้านก็หายไปกับสายน้ำ ชาวบ้านบางรายที่ดินกลายเป็นลำคลอง
เสร็จจากไหว้ หลวงพ่อปลอด กันแล้วไปไหว้ พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดพระธาตุน้อย
ประวัติ พ่อท่านคล้าย พระครูพิศิษฐ์อรรถการ (คล้าย จนฺทสุวณฺโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสวนขันและวัดพระธาตุน้อย เดิมชื่อ คล้าย สีนิล เกิดวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2417 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด จ.ศ.1238 ร.ศ.95 ที่บ้านโคกทือ ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายอินทร์ นางเหนี่ยว สีนิล มีพี่สาว 1 คน ชื่อนางเพ็ง มรณภาพด้วยโรคหืด เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2513 รวมอายุได้ 96 ปี เมื่อบำเพ็ญกุศลครบ 100 วัน จึงได้บรรจุสรีระของท่านไว้ในโลงแก้ว ประดิษฐานอยู่ในองค์พระเจดีย์ในวัดพระธาตุน้อยจนถึงปัจจุบัน ทุกคนกราบไหวขอพรเป็นสิริมงคลกันแล้ว เดินทางไปรับประทานอาหารเที่ยงกันครับ
หลังรับประทานอาหารเที่ยงกันแล้ว เดินทางกันต่อกันต่อครับไปเที่ยว บ้านคีรีวง จุดชมวิว และเค้าว่ากันว่าที่นี่ อากาศดีที่สุดในเมืองไทยครับ ทุกคนมาเที่ยวนครกันแล้วไม่ควรพลาด และ ไทยท็อปทัวร์ก็ไม่พลาดเช่นกันครับ เราพาท่านไปชมสถานที่สวยงาม วิวภูเขา สายน้ำ และ ชมเลือกซื้อสิค้า OTOP ของพื้นบ้านเป็นของฝากมากมายครับเช่น ผ้ามัดย้อม หรือผลิตภัณฑ์ จากผลไม้ เสร็จจากคีรีวงจุดสุดท้ายของดปรแกรมนี้แล้วครับ เดินทางไปสนามบินบินนครศรีธรรมราช
16.00 เดินทางถึงสนามบินนครศรีธรรมราช ทุกคนเช็คอินเรียบร้อย และเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพทุกท่านครับ
***เวลาเที่ยวบินแนะนำให้จองเที่ยวกลับหลัง 18.00 ครับ
ขอขอบพระคุณที่ทุกท่านที่ร่วมทริปเดินทางไหว้พระเกจิ อาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของเมืองนครศรีธรรมราช
ราคาต่อท่าน |
||
ผู้ใหญ่ (อายุ12+) | เด็ก (อายุ4-11ปี) | เด็ก (อายุ1-3ปี) |
12,400 บาท | 9,300 บาท | ฟรี |
โปรดอ่าน:
- โปรแกรมทัวร์นี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
- กรณีเป็นชาวต่างชาติมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ถ้าหากว่าโปรแกรมทัวร์ด้านบนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของท่านได้ เรายินดีจะช่วยจัดทัวร์ที่ดีที่สุดสำหรับท่าน
- ท่านสามารถจองทัวร์นี้ได้โดยการชำระเงินมัดจำ 30% ของยอดเต็ม และชำระส่วนที่เหลือก่อนเดินทาง 3 วัน
- ทัวร์นี้รับจองขั้นต่ำที่ผู้ใหญ่ 4 ท่านขึ้นไป
- กรณีพักเดี่ยวมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
- เด็กอายุ 1-3 ปี ไม่คิดค่าบริการ
- หากจำนวนผู้เดินทางเกิน 8 ท่าน โปรดติดต่อเราเพื่อรับข้อเสนอที่ดีที่สุด
ทัวร์นี้รวม:
- รถตู้ปรับอากาศ VIP บริการนำเที่ยวตลอดการเดินทาง
- โรงแรม AAVA Resort and Spa ขนอม พร้อมอาหารเช้า 2 ท่าน หรือเทียบเท่า 1 คืน
- โรงแรม Grand Fortune นครศรีธรรมราช พร้อมอาหารเช้า 2 ท่าน 1 คืน
- บริการอาหารทุกมื้อ
- น้ำ เครื่องดื่ม ผ้าเย็นตลอดการเดินทาง
- ชา กาแฟ ระหว่างการเดินทาง พร้อมของว่างทานในรถ
- ค่าธรรมเนียมในการเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
- มัคคุเทศก์ท้องถิ่นดูแลตลอดการเดินทาง
- ประกันภัยนักท่องเที่ยวตามกรมธรรม์บริษัทฯ
สิ่งที่ควรเอาไปด้วย:
- กระเป๋าเดินทาง พร้อมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว
- หมวก
- ครีมกันแดด
- แว่นกันแดด
- โทรศัพท์มือถือ หรือ กล้องถ่ายรูป
- โลชั่นกันแมลง