อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ประกาศเป็นอทุยาน แห่งชาติเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๒ แรกเริ่มใช้ชื่ออุทยานแห่งชาติหาดทรายรี ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นอุทยานแห่ง ชาติหมู่เกาะชุมพร เมื่อวันที่๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ครอบคลุมพื้นที่ ๑๙๘,๑๒๕ ไร่ มีชายหาด ทอดยาวกว่าร้อยกิโลเมตร ส่วนพื้นที่ทางทะเล ประกอบด้วยหมู่เกาะกว่า ๔๐ เกาะ ครอบคลุมพื้นที่ ตั้งแต่เกาะจระเข้ในเขตอำเภอปะทิว จดเกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย เกาะเสม็ด เกาะมะพร้าว เกาะมัตราเกาะทองหลาง เกาะรังกาจิว ในเขตอำเภอเมือง และหมู่เกาะในเขตอำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโกจนถึงอ่าวท้องครกในเขตอำเภอหลังสวน บางเกาะ เป็นจุดดำน้ำ เช่น เกาะจระเข้ อยู่ทางตอนเหนือสุด ของอุทยานฯ ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่กลางป่าชายเลน มีอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเชื่อมด้วยสะพานไม้ทอดยาว และมีสะพานแขวน เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เลียบคลองเข้าไปในป่าชายเลนมีทางเดินแยกหลายเส้นทางเหมาะสำหรับศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนหรือจะพายเรือคยักชมป่าชายเลนเป็นกิจกรรมท่อง เที่ยวเชิงนิเวศที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสัมผัส ธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดการดำน้ำลึกและน้ำตื้น จุดดำน้ำลึกและน้ำตื้นในท้องทะเลชุมพรมีอยู่ด้วยกันหลายจุดตามแนวปะการังในเกาะต่าง ๆ มักจะพบปะการังดำ (Black Coral)ซึ่งเป็นสัตว์ในกลุ่มกัลปังหามากที่สุดในประเทศไทย มีถ้วยทะเล (Corallimorph) พรมทะเล(Zooanthid) และดอกไม้ทะเล (Sea Anemone) มากที่สุดในอ่าวไทย และยังเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณและความหลากRead More
admin
เกาะเต่า-เกาะนางยวน-จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะเต่า เป็นเกาะที่ตั้งโดดเดี่ยวในอ่าวไทย อยู่ห่างจากอำเภอเกาะพะงัน 45 กิโลเมตร ในอดีตกรมราชทัณฑ์ได้ใช้เป็นเรือนจำกักขังนักโทษการเมือง (กบฎบวรเดช) สมัยการปกครองของคณะราษฎร์ ปัจจุบันเป็นแหล่งดำน้ำติดอันดับโลก เกาะเต่า เป็นเกาะที่ตั้งโดดเดี่ยวในอ่าวไทย อยู่ห่างจากอำเภอเกาะพะงัน 45 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ในอดีตกรมราชทัณฑ์ได้ใช้เป็นเรือนจำกักขังนักโทษการเมือง (กบฏบวรเดช) สมัยการปกครองของคณะราษฎร์ เกาะเต่ามีประชาชนมาอาศัยตั้งแต่ปี 2490 เป็นเกาะที่มีธรรมชาติและความสมบูรณ์ของชีวิตใต้ทะเล สวยงามด้วยแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก ปลาหลากชนิดสีสวย ๆ มากมายที่นักดำน้ำจะต้องนึกถึง และชายหาดที่มีหาดทรายขาวสวยสงบน่าพักผ่อนหลายหาด มีโรงเรียนสอนดำน้ำหลายโรงเรียนที่มักจะมีนักดำน้ำหน้าใหม่แวะเวียนมาเรียนกันอยู่เสมอ ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวคือ เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน บนเกาะมีบังกะโลหลายแบบหลายราคาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพัก การเดินทางบนเกาะเต่าสามารถเดินทางได้ทั้งทางเรือ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีบริการ 2 เส้นทาง คือ จากท่าเทียบเรือไปทางทิศเหนือถึงหาดทรายรี และไปทางทิศใต้ถึงอ่าวลึก สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะเต่าและใกล้ ๆ เกาะเต่า แหลมหิน จปร. เป็นที่ตั้งของหินสลักพระปรมาภิไธยย่อของรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ริมหาดทรายรี เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการเสด็จประพาสทางทะเล แหลมตาโต๊ะ มีจุดชมวิวบนยอดเขา สามารถมองทิวทัศน์ของอ่าวเทียนออกและอ่าวโฉลกบ้านเก่า มีสวนมะพร้าวสลับก้อนหิน หาดทรายรี เป็นชายหาดที่ยาวที่สุด มีทรายขาว แนวปะการังขนานชายหาดRead More
เกาะหลีเป๊ะ-สตูล
เกาะหลีเป๊ะ-จังหวัดสตูล จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ ความเป็นธรรมชาติของปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มเหมือนแป้ง มีอ่าวที่สวยงามชื่อ “อ่าวพัทยา“และ “หาดชาวเล” มีลักษณะโค้งเว้า ทรายขาวละเอียด ซึ่งทั้งสองหาดนี้สามารถเดินถึงกันได้โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที มัลดีฟส์เมืองไทยที่จะทำให้คุณหัวใจละลายไปในพริบตา เพียงแค่เห็นน้ำทะเลใสแจ๋วจาก “อ่าวพัทยา” อันเป็นจุดจอดเรือนักท่องเที่ยว ซึ่งคุณจะได้ค้นพบว่าที่นี่คือสรวงสวรรค์ของคนรักทะเลอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวันนี้เกาะหลีเป๊ะจึงคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย เพราะความเป็นเกาะที่มีทุกสิ่งที่น่ารื่นรมย์อย่างครบรส ตั้งแต่ท้องฟ้าสีครามใสราวกระจกใต้ผืนฟ้าใส ถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านช็อปปิ้งและความสนุกที่มาเติมสีสันให้ชาวเกาะ รีสอร์ทน่ารักที่ตั้งอยู่เรียงรายริมหาด รวมทั้งวิถีชีวิตชาวเลที่อาศัยบริเวณ “หาดชาวเล” ซึ่งในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 6 และ 12 ชาวบ้านแถบนี้จะจัดพิธิลอยเรือตลอดสามวันสามคืน โดยนำเรือที่ต่อด้วยไม้ระกำลอยสู่ทะเล เป็นการเสี่ยงทายโชคชะตาในการประกอบอาชีพประมงของพวกเขา และทั้งอ่าวพัทยาและหาดชาวเลนี่เองได้กลายเป็นจุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งสามารถเดินถึงกันได้เพียงใช้เวลา 15 นาทีเท่านั้น กิจกรรมน่าทำ – เล่นน้ำหรือดำน้ำชมปะการังน้ำตื่น ซึ่งสามารถทำได้ทั่วทั้งเกาะ แต่บางพื้นที่อาจต้องคอยระวังจุดที่น้ำตื้นมาก ๆ เข้าไว้เพราะอาจโดนปะการังที่มีความแหลมคมบาด รวมทั้งผจญกับหอยเม่นที่มีหนามแหลมคมรอบตัว – เดินชมวิถีชีวิตของชาวเลบนหาดชาวเล ชาวเลกลุ่มนี้เป็นชนเผ่าอูรักลาโว้ย ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงรอบเกาะ – ท่องเที่ยวรอบเกาะ นอกจากเที่ยวชมความงามของน้ำทะเลบนเกาะหลีเป๊ะแล้วสามารถเช่าเรือนำเที่ยวไปดำน้ำและเที่ยวชมเกาะต่าง ๆRead More
เกาะมุก – ถ้ำมรกต จังหวัดตรัง
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เกาะมุก – ถ้ำมรกต จังหวัดตรัง นับเป็นจุดเด่นที่สุดในทะเลตรัง ลักษณะของเกาะทางด้านทิศตะวันตกส่วนใหญ่เป็นโขดหน้าผาหินสูงตระหง่านหันหน้าออกสู่ทะเล ทางฝั่งตะวันออกเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมง ที่ยังคงวิถีชีวิตของชาวเกาะไว้อย่างดี สามารถเดินเที่ยวรอบเกาะได้ และทางด้านทิศตะวันตกของกเกาะมุก มีถ้ำมรกตหรือถ้ำทะเลซึ่งมีความงดงามตระการตาอย่างมาก จากปากทางเข้าถ้ำเป็นโพรงเล็ก ๆ การเข้าชมภายในถ้ำ จะต้องว่ายน้ำลอยคอเข้าไป ระยะทาง 80 เมตร บริเวณปากทางเข้าถ้ำแสงจากภายนอกจะสะท้อนกับน้ำภายในถ้ำทำให้เห็นน้ำเป็นสีเขียวมรกต ดูแปลกตาและมหัศจรรย์ในความสวยงามที่ธรรมชาติได้บรรจงสร้าง เมื่อพ้นปากถ้ำออกมาอีกด้านหนึ่งจะเห็นหาดทรายขาวสะอาดล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน นั่งเล่นน้ำได้ เกาะมุกมีที่พักเอกชนบริการ การเดินทาง นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเกาะมุก สามารถเช่าเหมาลำเรือจากท่าเรือปากเมง อำเภอสิเกา ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที จังหวัดตรัง มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะเกาะ แต่ที่สวยงามและมีความแปลกจนนักท่องเที่ยวต้องไปดูให้เห็นกับตานั้นคือเกาะมุก (Koh Muk) เพราะที่เกาะมุกมีถ้ำมรกต (Morakot Cave) ถ้ำที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ความสวยงามให้แล้วยังแถมความแปลกด้วยอีกอย่าง เกาะมุกเป็นเกาะขนาดใหญ่ของจังหวัดตรัง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มีหมู่บ้านชาวประมงอยู่บนเกาะ มีร้านอาหาร มีรีสอร์ตสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักบนเกาะ ส่วนการเดินทางบนเกาะนั้น มีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และให้เช่าขับเอง ด้านที่หมู่บ้านชาวประมงและรีสอร์ตตั้งอยู่นี้มีชายหาดที่เล่นน้ำได้ 3 แห่ง ส่วนถ้ำมรกต (Emerald Cave)Read More
วัดฉลอง ภูเก็ต
วัดฉลอง ภูเก็ต วัดฉลอง หรือชื่อที่เรียกเป็นทางการ ก็คือ วัดไชยธาราม เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต ถ้าใครมา ภูเก็ตจะต้องมาแวะนมัสการ หลวงพ่อแช่ม แห่งวัดฉลอง เพื่อเป็นสิริมงคลแต่ตัวเอง เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ กิตติศัพท์ในการรักษาโรค บุญญาบารมีและเมตตาธรรมที่สูงส่งของหลวงพ่อทำให้มีผู้เลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก เล่ากันว่าในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นถึงกับมีผู้ที่รอปิดทองตามแขนและขาของท่านจนแลดูเหลืองอร่าม ไปทั่วราว กับปิดทองพระพุทธรูปและแม้ว่าหลวงพ่อแช่มจะมรณภาพเป็นเวลานับหนึ่งร้อยปีมาแล้วก็ตาม ชื่อเสียงเกียรติคุณ และบารมีของท่านก็อยู่ในความทรงจำของผู้คนสืบมา อีกทั้งที่วัดฉลองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมี ประกาศเป็นที่ประดิษฐสถานของ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากศรีลังกา วัดฉลองแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใน ภูเก็ตอีกแห่งที่ ใครๆ ที่มาเที่ยวภูเก็ตจะต้องมาวัดแห่งนี้ สิ่งที่น่าสนใจในวัดฉลอง 1. นมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ซึ่งมีเรื่องรวมถึงความศักดิ์สิทธิ์ คุณงามความดีของหลวงพ่อแช่มแห่งวัดฉลอง เป็นที่พึ่งให้ แก่ชาวบ้าน ในครั้นการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ และเรื่องเล่าเกี่ยวกับไม้เท้าของท่านที่จิ้มบริเวณที่เป็นไฝ หรือปาน จะทำ ให้จางไปเอง ( เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ) นอกจากหลวงพ่อแช่มแล้วยังมีหลวงพ่อช่วง และหลวงพ่อเกลื้อม ซึ่งเป็นที่เคราพศรัทธาของชาวบ้านมาก ซึ่งท่านทั้งสองมีชื่อเสียงการปรุงสมุนไพร และรักษาโรค ถึงแม้ว่าปัจจุบัน ท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่ก็ยังมีชาวบ้านที่มีเรื่องทุกข์ร้อน ก็จะไปกราบไหว้ บนบานไม่ขาดสายRead More
เกาะไข่ จังหวัดพังงา
เกาะไข่ ในประเทศไทยมีอยู่หลายแห่งชื่อนั้นอาจซ้ำเพราะทุกเกาะมีลักษณะคล้ายไข่ดาวในทะเลอันดามัน มีเกาะไข่อยู่สองแห่งล้วน แต่สวยงาม คือเกาะไข่ ตะรุเตากับเกาะไข่ จ.พังงา เกาะไข่ จ. พังงาเป็นเกาะขนาดเล็ก อยู่ในอ่าวพังงา มีด้วยกัน 3 เกาะคือ เกาะไข่ใน เกาะไข่นอก และเกาะไข่นุ้ย ซึ่งปัจจจุบันเกาะที่ สามารถท่องเที่ยว ได้มีเพียง 3 เกาะ คือ เกาะไข่นุ้ย เกาะไข่ใน และเกาะไข่นอก สามารถดำน้ำดูปะการังได้ทั้งสามเกาะ เกาะไข่นุ้ย เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำดูปะการัง และปลาชนิดต่างๆ ตรงจุดนี้สามารถพบปลาการ์ตูนได้อีกด้วย มีชายหาดเล็กๆ อยู่บนเกาะแต่ไม่อนุญาติถขึ้นไปบนชายหาด เกาะไข่นอก เป็นเกาะเล็กๆที่มีความสวยงามด้วยโขดหิน หาดทรายขาว น้ำทะเลใส รอบเกาะสามารถดำน้ำดูปะการังหลากชนิด มีปลาสวยงาม เกาะไข่นอกประกอบด้วย 2 หมู่เกาะ ซึ่งมีลักษณะคล้ายไข่ดาวกลางทะเล มีหาดทรายขาวบริสุทธิ์อยู่ด้านหน้าของ เกาะเหมาะแก่การ นอนอาบ แดด มีสันทรายเล็กๆ เชื่อมต่อไปถึงโขดหินแห่งหนึ่งบริเวณนี้เป็นจุดที่ดีในการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น รอบเกาะ สามารถ ลงเล่นน้ำได้ น้ำใส แต่ต้องคอยระวังคลื่นลมแรงบ้างเป็นบางวัน ควรลงเล่นน้ำในด้านที่คลื่นลมสงบRead More
เกาะเฮ Coral Island
เกาะเฮ Coral Island เป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจังหวัดภูเก็ต ห่างจากชายฝั่งภูเก็ตประมาณประมาณ 10 ก.ม. เป็นอีกหนึ่งเกาะยอดนิยมของจังหวัดภูเก็ต ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้โดยง่าย โดยเรือสปีดโบ๊ทเพียง 10-15 นาที และโดยเรือหางยาวประมาณ 45 นาที ซึ่งเป็นเกาะที่เดินทางค่อนข้างสะดวกและเสียค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก เกาะเฮ เป็นเกาะที่มีหาดทรายอันขาวละเอียด มีปะการังน้ำตื้นที่ยังอุดมสมบูรณ์ น้ำทะเลใส มองเห็นฝูงปลาแหวก ว่ายมากมาย โลกใต้น้ำที่อยู่ทางด้านตะวันตก มีปะการังสมอง ปะการังผักกาด ปะการังเขากวางปะการังจาน เป็น แนวยาว และเหล่าปลาน้อยใหญ่ หลากสีสันสวยงาม เช่น ปลาผีเสื้อ ปลาโนรี ปลานกแก้ว ปลาสินสมุทร สามารถ ดำน้ำแบบสนอร์เกิลใช้หน้ากากดำน้ำและท่อหายใจก็สามารถเห็นโลกใต้ทะเลที่สวยงาม กิจกรรมที่น่าสนใจบนเกาะเฮ มีกิจกรรมทางน้ำต่างๆ อาทิ เล่นเจ็ตสกี บานาน่า โบ๊ท เรือลากร่ม หรือดำน้ำชมปลา ชมปะการัง พาราเซล ซีวอค เกอร์ เกาะเฮเหมาะที่จะไปเที่ยวแบบไปเช้าไปบ่ายกลับ บนเกาะมีร้านขายอาหารเครื่องดื่มให้บริการบริเวณด้านหน้าเกาะ
หาดถ้ำพระนาง
หาดถ้ำพระนาง อยู่ในเขต ต.อ่าวนาง จ.กระบี่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยว ทัวร์ สี่ เกาะ เกาะปอดะ เกาะทับ(ทะเลแหวก) เกาะไก่ และ หาดถ้ำพระนาง ที่นี่คือ 1 ใน ไฮไลท์แหล่งท่องเทียวทางทะเลของกระบี่ มุมอัศจรรย์มุมนี้ต้อง เดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาด อันเป็นที่ตั้งของ ถ้ำพระนาง ด้วยเป็นที่สถิตของ พระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็นปากโพรงถ้ำ มีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้า สวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงรายในยามพระอาทิตย์ตก จะเป็นมุมมองสวยงามแปลกตา น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่ง ในเมืองไทย บรรยากาศในช่วงเวลากลางวัน ณ อ่าวถ้ำพระนาง แห่งนี้จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วเรือเมล์มาจากสหกรณ์เรือหางยาวอ่าวนาง ,นักท่องเที่ยวที่ซื้อโปรแกรม ทัวร์ทะเลแหวก – หมู่เกาะปอดะ – อ่าวถ้ำพระนาง”และ นักท่องเที่ยวที่เดินเท้ามาเองจากหาดไร่เลย์ แต่พอถึงช่วงเวลาเย็นเมื่อ นักท่องเที่ยวเหล่านี้เริ่ม ทยอยกัน เดินทางกลับสู่ที่พัก บรรยากาศบริเวณอ่าวถ้ำพระนางก็จะกลับเข้าสู่ความสงบงามอีกครั้ง นอกจากนี้ ถ้ำพระนาง เป็นศาลของเทพธิดา ล้อมรอบสิ่งของที่ชาวบ้านนำมาแก้บน นั่นคือไม้แกะสลักที่เรียกว่า ปลัดขิกRead More
ผลวิจัยชี้ การ ‘ดำน้ำ’ ส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
ผลวิจัยชี้ การ ‘ดำน้ำ’ ส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า การดำน้ำจะช่วยให้เรามีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น วารสารวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมเผยแพร่ผลงานวิจัย โดยระบุว่า การดำน้ำและการว่ายน้ำเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาทางการแพทย์ เนื่องจากความเงียบใต้ท้องทะเลและความไร้น้ำหนัก จะทำให้เรารู้สึกถึงการปลดปล่อย โดยอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตจะลดลงและสู่สู่สภาวะของการทำสมาธิ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างมาก งานวิจัยชิ้นดังกล่าวยังระบุถึงประโยชน์ของการดำน้ำดังนี้ 1. ช่วยปรับปรุงระบบการหายใจ ซึ่งการดำน้ำจะขึ้นให้เราฝึกการหายใจ เพื่อให้ปอดทำงานดีขึ้น โดยเหมาะกับผู้ที่กำลังเลิกบุหรี่ หรือพึ่งจะเลิกสูบบุหรี่ที่ต้องการรักษาปอดของตนเอง 2.ช่วยให้มีความสุขมากขึ้น โดยการดำน้ำแบบสน็อกเคิลจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสาน ‘เอนโดฟิน’ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้มีความสุขมากขึ้น 3. การดำน้ำจะช่วยรักษาอาการกลัวที่แคบและทึบ เนื่องจากเมื่อเราอยู่ใต้น้ำ เป็นเสมือนโลกที่ไร้พรมแดน และการดำน้ำแบบสน็อกเคิลจะทำให้เห็นโลกใต้น้ำที่กว้างออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่มา voicetv.co.th travelwireasia.com
ทำไม”ทะเล”จึงช่วยเยียวยาจิตใจได้ดี
ทำไม”ทะเล”จึงช่วยเยียวยาจิตใจได้ดี เป็นอีกหนึ่งบทความที่ให้ข้อคิดดีๆ สำหรับใครที่ชอบนึกถึงทะเล ไม่ว่าจะอกหักก็ไปทะเล เครียด เหนื่อยก็ไปทะเล คุณเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมต้องอยากไปทะเลทุกครั้งที่มีปัญหา ส่วนหนึ่งมันคือการได้พักผ่อน ผ่อนคลายร่างกาย แต่อีกด้านหนึ่งเราจะบอกเหตุผลว่าเพราะอะไร ทำไมทะเลถึงช่วยเยียวยาจิตใจคุณได้ 1.ได้สัมผัสกลิ่นไอของทะเล ในบริเวณที่ชุ่มชื้นอย่างชายฝั่งทะเล หรือน้ำตก จะมีประจุไฟฟ้าลบอยู่ในกลิ่นไอของทะเลมาก เมื่อแทรกซึมเข้าสู่กระแสโลหิต จะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน ทำให้เรารู้สึกสงบและผ่อนคลาย สดชื่น และกระปรี้กระเปร่า 2. เสียงคลื่นซัดสาดชายฝั่ง ไม่ใช่แค่ความเพลิดเพลินเมื่อได้ฟังเสียงคลื่นกระทบ แต่เสียงที่ไม่ได้มีการจัดวางแพทเทิร์นไว้ แสดงออกมาบนความหลากหลายเกินจะคาดเดา เสียงคลื่นทะเล จะเป็นเสียงเบา ๆ ที่มีโทนเสียงปานกลางถึงต่ำ นอกจากนี้เสียงของทะเลให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย ราวกลับกำลังโอบกอดเราไว้ 3. สีฟ้าของน้ำทะเล ทางจิตวิทยา นอกจากสีเขียวจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและมักเป็นสีที่ถูกใช้ในโรงพยาบาล ขณะเดียวกันสีฟ้าของน้ำทะเลกลับทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย จากการวิจัยพบว่ายิ่งได้มองเห็นพื้นที่สีฟ้ามากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นสีของน้ำทะเลหรือท้องฟ้า ก็จะยิ่งมีสุขภาพจิตที่ดีมากเท่านั้น 4. แสงแดดที่กระทบตัว เมื่อออกไปทะเล แสงแดดที่ส่องกระทบผิวหนังของเรา จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตวิตามิน D และสารเซโรโทนิน หรือสารเคมีแห่งความสุขออกมาในสมอง ทำให้เราผ่อนคลาย และรู้สึกดี แต่ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยโดยรอบด้วย ถ้าคุณต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดในเมืองที่รถติดและเต็มไปด้วยความวุ่นวายของผู้คน คุณก็อาจจะไม่ได้หลั่งสารความสุขอย่างที่ควรจะเป็น